5 เคล็ดลับ การขับรถตอนฝนตกง่าย ๆ ให้ปลอดภัยทุกเส้นทาง

        อุบัติเหตุเกิดได้ทุกที่โดยเฉพาะการขับรถฝ่าฝน การขับรถบนท้องถนนที่เราจะต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่สามารถเกิดขึ้นได้ ยิ่งในช่วงเดือนพฤษภาคม เดือนแรกที่เริ่มเข้าสู่หน้าฝนอย่างเต็มรูปแบบ ในการขับขี่รถ ช่วงที่ฝนกำลังตกนั้น ใคร ๆ ก็รู้ว่า มีอันตรายแฝงตัวอยู่ แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อการขับรถ ก็ถือเป็นชีวิตประจำวันของใคร หลายๆ คนไปแล้ว ยิ่งบางอาชีพที่ใช้เวลาอยู่บนท้องถนนนานมากที่สุด ดังนั้นเพื่อการขับรถตอนฝนตกที่ปลอดภัยป้องกันอุบัติเหตุในช่วงหน้าฝน จึงจำเป็นที่ทุก ๆ คน จะต้องมี ข้อควรระวัง ขับรถขณะฝนตกง่าย ๆ เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน ดังนี้

1. ไฟหน้าและไฟท้ายรถ

        สัญญาณที่ดีที่สุด ในการขับรถตอนฝนตกบนท้องถนนร่วมกับรถคันอื่น ๆ นั่นก็คือ สัญญาณไฟหน้าและไฟท้ายนี่เอง เพราะจะเป็นส่วนช่วยให้รถที่ตามมาข้างหลังเรานั้น มองเห็นรถของเราชัดเจนขึ้น ช่วยลดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ซึ่งการเปิดสัญญาณไฟหน้านั้น ปฏิบัติได้ดังนี้

  • การเปิดไฟหน้ารถ ควรใช้สัญญาณไฟแบบปกติ หากมีไฟตัดหมอก สามารถเปิดไฟตัดหมอกได้ค่ะ แต่มีข้อควรระวัง ขับรถขณะฝนตกไม่ควรใช้ไฟฉุกเฉิน หรือที่เรียกกันว่า ไฟกระพริบ เพราะรถคันที่ขับตามหลังเรามานั้น จะไม่รู้ว่า รถของเรากำลังจอดหรือขับอยู่บนถนน อาจจะทำให้เกิดการชนท้ายได้

  • ไม่ควรเปิดไฟหน้าสูง จะทำให้รถที่ขับสวนทางมากับเรานั้น โดนไฟส่องแยงตา ทำให้ตาพล่ามัวมองถนนได้ไม่ชัด อาจจะนำมาสู่อุบัติเหตุบนถนนได้ค่ะ

2. การเปิดที่ปัดน้ำฝน

  ในยามที่ฝนตกที่ปัดน้ำฝนเปรียบเสมือนสายตาของเราเลยนะคะ เพราะจะช่วยให้เราสามารถมองเห็นเส้นทางบนถนนในขณะที่กำลังขับรถฝ่าฝน ซึ่งการใช้ที่ปัดน้ำฝนมีหลายแบบตามลักษณะที่ฝนตก เช่น หากฝนตกปอย ๆ หรือไม่หนักมาก เลือกใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบครั้งเดียวหรือปัดสองครั้งแล้วหยุดได้ค่ะ แต่การขับรถตอนฝนตกหนัก อาจจะต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลานะคะ เพื่อทัศนียภาพที่ชัดเจนในการขับขี่ค่ะ

3. การรักษาระยะห่างจากรถคันหน้า

   เมื่อฝนตก น้ำฝนที่ตกกระทบพื้นถนนนั้น จะไปชะล้างคราบดิน โคลน หรือคราบน้ำมันที่อยู่บนถนน จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ถนนลื่น ดังนั้น เราจึงควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าระยะห่างปกติในการขับขี่เป็น 2 เท่า เพื่อทำให้ระยะเบรกของเรา สามารถหยุดรถได้ทัน หากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น ขณะที่เรากำลังขับรถฝ่าฝน เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนค่ะ

4. ความเร็วในการขับขี่ 

  เคยได้ยินคำว่าฝนตกถนนลื่นไหมคะ ? บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยน้ำฝน ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ฝนกำลังตกอาจจะเป็นอุปสรรคในการมองถนน ขณะขับรถฝ่าฝน  หรือ ฝนที่หยุดตกไปแล้ว แต่ก็ยังทิ้งร่องรอยของน้ำฝนที่ทำให้ถนนลื่นอยู่ ทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างยากลำบาก เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในช่วงฤดูฝน เราควรที่จะรักษาความเร็วในการขับขี่ อยู่ที่ประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนะคะ เพราะเป็นความเร็วที่เราจะสามารถควบคุมรถไม่ให้ลื่นไถล ขณะฝนตกและเพื่อความปลอดภัยบนท้องถนนค่ะ

5. การป้องกันการเกิดฝ้าที่กระจกรถ

    การเกิดฝ้าที่กระจกรถ สาเหตุหนึ่งที่กวนใจเรา ขณะขับรถอยู่เสมอ เพราะฝ้ากระจกจะบดบังทัศนียภาพบนท้องถนน ซึ่งมักจะเกิดขึ้น เมื่ออุณหภูมิรถเย็นจัด ยิ่งช่วงฤดูฝน การขับรถตอนฝนตกจะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกรถได้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้น ข้อควรระวัง ขับรถขณะฝนตก เราจะต้องรู้จักกับวิธีป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดฝ้านะคะ ก่อนอื่นจะต้องสังเกตุว่าเกิดฝ้าที่ภายนอกหรือภายในกระจกรถ ง่าย ๆ คือ หากอากาศภายในรถเย็นกว่าอากาศภายนอกรถ จะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกด้านนอก แต่ถ้าหากภายนอกรถเย็นกว่าอากาศภายในรถ จะทำให้เกิดฝ้าที่กระจกด้านใน ดังนั้น เราควรที่จะรักษาอุณหภูมิภายในและภายนอกรถให้เท่ากันเพื่อทำให้ไม่เกิดฝ้ากระจกค่ะ ซึ่งจะมีวิธีแก้ไขดังนี้

  • การลดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อให้อากาศเกิดการถ่ายเททำให้ฝ้าจางลง

  • การใช้ผ้าหรือที่ปัดน้ำฝนเช็ด เพื่อลดฝ้าที่เกิดขึ้น

  • การปรับอุณหภูมิแอร์ภายในรถ เพื่อให้อากาศภายในและภายนอกรถเท่ากัน

  • การปรับทิศทางแอร์ไม่ให้หันไปโดนที่กระจกรถ

        เพียงแค่ปฏิบัติตาม ข้อควรระวัง ขับรถขณะฝนตก จะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนในฤดูฝนได้นะคะ อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยในการขับรถ ถือเป็นเรื่องสำคัญกับชีวิตของเราทุกคน คงไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น เพราะฉะนั้น ทุกคนจะต้องช่วยกันระมัดระวังในการขับขี่ เพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมได้ด้วยค่ะ ด้วยความปรารถนาดีจากทิสโก้ออโต้แคช