ตรวจเช็คยางรถยนต์วันละนิด เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่


        การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้น แน่นอน ว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เราจึงต้องระมัดระวังและขับขี่โดยความไม่ประมาท แต่สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ นั่นก็คือการหมั่นตรวจเช็คสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ นั่นเอง โดยยางรถยนต์ถือเป็นองค์ประกอบหลักที่ทำให้รถขับเคลื่อนไปได้ รถที่ยางรถยนต์มีปัญหา มีความเสี่ยงสูงมากที่จะเกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ อาจเกิดการไถล ทรงตัวไม่ดี หรือเบรกไม่ได้ตามที่ต้องการซึ่งเป็นเรื่องที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ ทิสโก้ออโต้แคช จึงมีวิธีง่ายๆ ในการตรวจเช็คยางรถยนต์ พร้อมกับแนะนำสภาพยางรถยนต์ที่ควรเปลี่ยนมาบอกค่ะ

1. ดอกยางเสื่อม

        วิธีการเช็คยางรถยนต์โดยปกติควรตรวจเช็คสภาพดอกยางทุก 6 เดือน หรือทุก 10,000 กิโลเมตร เพื่อตรวจดูว่าดอกยางเสื่อมไหม ดอกยางรถยนต์ยังเท่ากันหรือไม่ สำหรับการตรวจเช็คดอกยาง ควรสังเกตว่ายางรถยนต์ของเรามีดอกยางสึกหรอผิดปกติ หรือเหลือต่ำสุดที่ 1.6 มิลลิเมตร ดูได้จากบริเวณสะพานยางหรือบริเวณที่มีลักษณะเป็นสันนูนที่ร่องยาง หากเช็คดอกยางแล้วพบว่ายางสึกจนสามารถมองสะพานได้แล้ว หรือยางรถยนต์มีรอยแตกร้าว แปลว่ายางเส้นนั้นหมดอายุการใช้งานแล้วและเป็นถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนยางรถยนต์เส้นใหม่แล้ว

2. แก้มยางแตก มีรอยร้าว 

        หากยางรถยนต์มีรอยร้าวจัดว่าเป็นสภาพยางรถยนต์ที่ควรเปลี่ยนค่ะ เราสามารถตรวจสอบง่าย ๆ ได้ด้วยตาเปล่าของตัวเอง ถ้าหากพบเห็นรอยแตกหรือร้าว ต้องรีบเปลี่ยนยางโดยด่วน เพราะอาจเป็นสาเหตุให้ยางระเบิดได้ ยิ่งตอนที่เราจำเป็นต้องใช้ความเร็วในการขับรถก็ทำให้ยางปริแตกเสียการควบคุมได้ พยายามหมั่นตรวจสอบกันอยู่เสมอนะคะ

3. ยางบวม มีรอยปูดนูนผิดปกติ

        ถ้าหากตรวจเช็คยางรถยนต์พบว่า ยางรถของเราไม่เหมือนเดิม มีลักษณะ บวม ปูด นูน ออกมาจากปกติ ต้องรีบเปลี่ยนยางโดยทันที เพราะอาการนี้ อาจทำให้ยางระเบิด ในขณะขับขี่ได้

4. เนื้อยางแข็งกระด้าง

        อีกวิธีเช็คยางรถยนต์คือการสังเกตที่เนื้อยางรถยนต์ค่ะ โดยทั่วไปยางใหม่ ๆ หน้ายางจะนิ่ม จะเบรก หรือเข้าโค้งได้ดี แต่หน้ายางที่ใกล้หมดอายุ หน้ายางจะเริ่มแข็ง เบรกเริ่มมีเสียงดัง และระยะเบรกไม่ดีเหมือนเคย อาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้ วิธีการตรวจเช็คโดยง่ายก็คือ ใช้เล็บมือลองจิกลงบนหน้ายาง ถ้าหากว่าจิกลงไปแล้ว ไม่ทิ้งรอยเล็บ แสดงว่าสภาพยางรถยนต์ที่ควรเปลี่ยนเพราะหน้ายางหมดอายุแล้ว คุณอาจต้องเปลี่ยนยางใหม่ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเรานะคะ

5. อายุของยาง

        ทำความเข้าใจกันก่อนว่า อายุของยางนั้นดูได้จากไหน ง่ายมากค่ะ ให้ทุกคนลองสังเกตุบนแก้มยาง ค้นหาวงรีที่มีเลข 4 หลักอยู่ด้านในซึ่งตัวเลข 4 ตัวนี้ มีความหมายคือ 2 หลักแรก บอกถึงสัปดาห์ที่ผลิตในปีนั้น (1 ปีมี 52 สัปดาห์) และเลข 2 หลักถัดมา บอกปี คศ. ที่ผลิต โดยทั่วไปนั้นยางรถยนต์มีอายุการใช้งาน 5 ปี นั้นหมายความว่า คุณควรตัดสินใจเปลี่ยนยางใหม่ เมื่อครบ 5 ปี นั่นเอง

 

6. บาดแผลของยาง

        โดยปกติทั่วไปแล้ว เมื่อยางเกิดรั่ว ซึม ส่วนใหญ่นั้น โดยบางบาดแผล การปะยางจะไม่สามารถช่วยได้นะคะ เพราะการปะยาง ควรทำกับบาดแผลเล็กๆ ที่เกิดรอยรั่วไม่เกิน 0.6 มิลลิเมตร และเกิดขึ้นบริเวณหน้ายางเท่านั้น โดยแผล ต้องไม่ไปทำลายโครงสร้างยางภายใน ซึ่งตรงส่วนนี้อาจจะไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า อาจจะต้องถอดยางออกมาดูท้องยางภายใน แต่มีหลักในการสังเกตเบื้องต้นคือ เมื่อขับรถด้วยความเร็วประมาณหนึ่งแล้ว พวงมาลัยมีอาการสั่นผิดปกติไปจากเดิม แม้จะทำการถ่วงล้อมาเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม ส่วนบริเวณแก้มยางไม่แนะนำให้ปะ เพราะความแข็งแรงของวัสดุที่มาใช้ในการปะนั้น ไม่สามารถยึดเหนี่ยวได้อย่างแข็งแรง และอาจจะเป็นต้นเหตุให้ยางระเบิดได้เช่นกัน

        ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ  อย่าลืม กลับไปตรวจเช็คสภาพยางกันนะคะ บางท่านอาจจะวางแผนเดินทางไกล หรือต้องใช้รถเป็นประจำทุกวัน จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องตรวจเช็คยางรถยนต์เป็นประจำ หากเกิดปัญหา จะได้แก้ไขได้ทันท่วงทีและยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบิติเหตุได้อีกด้วย

 

        ปรึกษาการขอสินเชื่อกับทิสโก้ ออโต้แคช แล้วค่อยตัดสินใจได้ที่ไลน์แอด @TISCOautocash หรือโทร. 02-633-6000 กด 3  เราพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือเรื่องการเงินให้คุณค่ะ